การศึกษาดูงานการจัดการร่วมกันในการอนุรักษ์พื้นที่คุ้มครองและพื้นที่ชุ่มน้ำที่ประสบความสำเร็จ
แนวทางการจัดการร่วมกันและการจัดการแบบมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สามารถแก้ไขปัญหาของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายได้สำเร็จอยู่บ่อยๆ ตัวอย่างมากมายจากประเทศไทยเป็นกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจยิ่ง ศูนย์วนศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า (รีคอฟ) ได้จัดทำโครงการศึกษาดูงานให้กับผู้แทนจากบังคลาเทศ ระหว่างวันที่ 1-9 กรกฎาคม 2555 และได้แลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการณ์จากกรณีตัวอย่างบางกรณีแก่ผู้เข้าร่วมดูงาน
การศึกษาดูงานด้าน “ยุทธศาสตร์การจัดการร่วมกันในพื้นที่คุ้มครองและการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำในประเทศไทย” จัดทำขึ้นสำหรับผู้แทนจากบังคลาเทศ จำนวน 11 คน จากโครงการการจัดการแบบผสมผสานร่วมกันในพื้นที่คุ้มครอง (Integrated Projected Area Co-Management หรือ IPAC) เป็นโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก USAID เป็นผู้แทนจาก 4 กระทรวง คือ กระทรวงสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ กระทรวงประมงและปศุสัตว์ กระทรวงแผนงาน และกระทรวงการคลัง
วัตถุประสงค์ของการศึกษาดูงาน คือ
เพิ่มพูนความรู้ด้านการจัดการป่าไม้ร่วมกัน และยุทธศาสตร์การอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำในประเทศไทย
เพื่อทำความเข้าใจกับวิธีการจัดการและกระบวนการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่ชุ่มน้ำแบบมีส่วนร่วม
ศึกษาเรียนรู้วิธีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยชุมชน เพื่อการดำรงชีพอย่างยั่งยืนที่ประสบผลสำเร็จในประเทศไทย
การศึกษาดูงานใช้เวลา 9 วัน เพื่อเรียนรู้กรณีศึกษา 4 กรณี วิธีการศึกษาดูงานมีทั้งการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ และการเยี่ยมชมศึกษาในพื้นที่ หลังจากนั้นผู้แทนที่ร่วมดูงานจะนำข้อค้นพบมาถกเถียงกันในกลุ่ม ท้ายที่สุด เป็นการสรุปโดยนำบทเรียนต่างๆ ที่ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นจากการศึกษาดูงาน มาถกเถียงและหาข้อสรุป เพื่อนำไปประยุกต์ใช้และนำไปส่งเสริมในประเทศของพวกเขา
“เป็นการศึกษาดูงานที่มีประสิทธิผลมาก เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย ที่สามารถนำไปใช้ในประเทศของพวกเราได้” คุณรีอาซ อุตดิน (ผู้ช่วยหัวหน้ากอง กองการเกษตร ทรัพยากรน้ำ และสถาบันชนบท)
การศึกษาดูงานในวันแรกเป็นการแนะนำผู้เข้าร่วมได้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญ 2 ท่าน จากสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ โดยทั้ง 2 ท่านได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบายของประเทศไทยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ ผู้แทนจากบังคลาเทศได้เรียนรู้แนวคิดการจัดการร่วมกันจากวิทยากรของศูนย์วนศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า และได้ร่วมกันระบุหลักการเบื้องต้น 13 หลักการ สำหรับการจัดการป่าไม้ร่วมกันอย่างประสบผลสำเร็จ
พื้นที่แรกที่เข้าเยี่ยมศึกษาดูงานคือ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่นำกระบวนการจัดการร่วมกันมาประยุกต์ใช้ ในการลดความขัดแย้งเกี่ยวกับการแย่งชิงทรัพยากร และประสบความสำเร็จ ในกรณีนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างฝูงช้างป่าและคน ทางอุทยานฯ ได้ดำเนินการเสริมสร้างความตระหนักรู้ของคนในพื้นที่ โดยดึงคนในท้องถิ่นเข้ามาร่วมกันจัดการทรัพยากรธรรมชาติตามหลักการต่างๆ และจัดตั้งกลุ่มท่องเที่ยวเชิงนิเวศขึ้นในพื้นที่ ปัจจุบันคนในท้องถิ่นแสดงความพยายามในการช่วยให้ช้างป่ามีชีวิตรอดปลอดภัย และชอบให้มีช้างป่าอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น
ต่อจากนั้นคณะศึกษาดูงานได้มุ่งลงใต้เพื่อดูงานที่ทะเลน้อย จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศตามอนุสัญญา Ramsar (1) มีเรือพาคณะดูงานเข้าศึกษาระบบนิเวศในทะเลสาบแห่งนี้อย่างใกล้ชิด ได้มีโอกาสเห็นพื้นที่ที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันหลายแห่ง อาทิ ป่าพรุ (swamp forest) ป่าเสม็ดขาว (Melaleuca forest) มวลน้ำ ป่าดิบชื้น และพื้นที่การเกษตร พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งสำหรับเป็นแหล่งเพาะฟักตัวอ่อน (bird nesting) และแหล่งอาหารของนก คนท้องถิ่นก็พึ่งพิงกับทรัพยากรในทะเลสาบเพื่อการดำรงชีพ คนท้องถิ่นจำนวนมากมีอาชีพทำการประมงและการท่องเที่ยว นอกจากนี้คณะดูงานยังได้มีโอกาสสำรวจศึกษาตัวอย่างการส่งเสริมอาชีพทางเลือกหลายตัวอย่าง อาทิ การเกษตรอินทรีย์ที่มีการส่งเสริมในพื้นที่นี้ เพื่อลดความกดดันต่อพื้นที่ชุ่มน้ำจากการใช้ประโยชน์ทรัพยากรในพื้นที่ชุ่มน้ำ
คณะศึกษาดูงานเดินทางต่อไปยังจังหวัดตรัง ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติแบบมีส่วนร่วมที่แข็งแกร่ง ที่นี่คณะศึกษาดูงานได้มีโอกาสศึกษาสังเกตกิจกรรมการจัดการร่วมกันในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในตำบลลิบง เกาะลิบงเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยที่สำคัญของ พะยูน ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่หายาก และเป็นแหล่งหญ้าทะเลหลายชนิด คณะศึกษาดูงานได้เรียนรู้เกี่ยวกับชมรมประมงพื้นบ้านของจังหวัดตรัง ที่ประสบความสำเร็จในด้านการจัดการทรัพยากรท้องถิ่น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพากันแสดงความขอบคุณในความพยายามและความสำเร็จของชมรมนี้ ที่ส่งผลให้มีการนำความคิดเห็นและการริเริ่มของคนในท้องถิ่น ไปพิจารณาเมื่อมีการปฏิรูปโยบาย ทั้งในระดับตำบลและระดับจังหวัด ตัวอย่างเช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ของลิบง ตกลงตามคำเรียกร้องของคนในท้องถิ่นและประกาศใช้ “กฎข้อบังคับของ อบต.ลิบง เรื่องการอนุรักษ์พะยูน ในปี พ.ศ.2555
คณะศึกษาดูงานล่องเรือชมธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพรอบๆ ทะเลน้อย ได้หยุดชมแหล่งเพาะพันธุ์ของนกท้องถิ่นและนกอพยพ ทะเลน้อยมีพื้นที่นกที่มีความสำคัญ (Important Bird Areas) หลายแห่ง
คุณโมฮัมหมัด มุซาฮิดุล อิสลาม (นักเคมีอาวุโส จากกรมสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “การศึกษาดูงานครั้งนี้มีประโยชน์มาก ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรทางทะเลร่วมกัน และการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพร่วมกัน”
“ธนาคารปู” ที่เป็นการริเริ่มโดยคนท้องถิ่นสามารถช่วยอนุรักษ์พันธุ์ในเบื้องต้น และเพิ่มประชากรปูในภายหลัง
คณะศึกษาดูงานได้มีโอกาสพบกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และการจัดการทรัพยากรชายฝั่ง ที่กำลังทำงานด้านนี้ร่วมกับชุมชนท้องถิ่นในจังหวัด และได้มีโอกาสเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน องค์กรเหล่านี้ให้การสนับสนุนในหลายๆ ด้าน อาทิ จัดตั้งกลุ่มอาสาสมัคร จัดกิจกรรมเสริมสร้างความตระหนักของคนในท้องถิ่น กำหนดแนวเขตชุมชนและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จัดค่ายเยาวชน จัดการแสดงนิทรรศการ และส่งเสริมทางเลือกอื่นเพื่อการประกอบอาชีพ
สถานที่ดูงานแห่งสุดท้ายคือ ชุมชนบ้านน้ำรับ ชุมชนนี้มีการจัดการการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง ที่ทำให้สามารถดำรงรักษาวิถีชีวิตได้อย่างยั่งยืน โดยปรับเปลี่ยนวิธีปฏิบัติในการทำการประมง จากการประมงแบบทำลายล้างเป็นการประมงแบบยั่งยืน คณะศึกษาดูงานมีโอกาสได้ศึกษาสังเกตระบบและโครงการจัดการทรัพยากรร่วมกันหลายระบบหลายโครงการ อาทิ กฎข้อบังคับของท้องถิ่นเรื่องการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชายฝั่ง การกำหนดประเภทกิจกรรมการประมงที่ผิดกฎหมายและที่ไม่อนุญาต จัดตั้งคณะกรรมการป่าชายเลนชุมชน จัดกลุ่มอาสาสมัครลาดตระเวน ส่งเสริมธนาคารปู และให้การสนับสนุนด้านการตลาด และการซ่อมบำรุงเรือสำหรับชาวประมง
ก่อนการศึกษาดูงานจะสิ้นสุดลง ผู้แทนจากบังคลาเทศที่เข้าร่วมดูงาน ร่วมกันสะท้อนบทเรียนที่ได้รับจากสถานที่ดูงานแต่ละแห่ง ผู้เข้าร่วมหลายคนพบว่า โครงการศึกษาดูงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ชัดเจน เนื้อหาของการดูงานมีความเหมาะสม มีกรณีศึกษาที่ดีและมีประโยชน์ ส่วนประกอบทั้งหมดส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมศึกษาดูงานเกิดการเรียนรู้
“เป็นการศึกษาดูงานที่ดี จัดทุกองค์ประกอบของการศึกษาดูงานได้ดีมาก และมีสาระความรู้เต็มเปี่ยม ฉันคิดว่าคราวนี้ฉันสามารถทำงานได้ดีขึ้น ทั้งด้านการจัดการ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของเรา และการพัฒนาอาชีพ” เป็นคำพูดของคุณโมฮัมหมัด จาฮานกีร์ อลาม (เจ้าหน้าที่ประมงอับปา ซิลลา กรมประมง)
การศึกษาดูงานที่จัดขึ้นโดย RECOFTC เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ความรู้และประสบการณ์ ที่ผู้เข้าร่วมนำไปปฏิบัติได้ เป็นกิจกรรมที่สนับสนุนแนวความคิดที่ส่งเสริมให้คนและป่าอยู่ด้วยกัน จุดมุ่งหมายของการศึกษาดูงานของศูนย์วนศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า คือเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ต่างกัน เปิดโลกทัศน์เรื่องป่าชุมชนให้กว้างไกลขึ้นสำหรับผู้เข้าร่วม และเสริมสร้างให้ผู้เข้าร่วมมีทักษะความสามารถที่จำเป็น เพื่อนำบทเรียนที่ได้รับจากการศึกษาดูงานไปประยุกต์ใช้ในงานของพวกเขา